ในช่วงอากาศแปรปรวน แบบนี้ ไม่ว่าจะฝนตก หรือ อากาศเย็น สิ่งที่ต้องเอาใจใส่สุดหากต้องเดินทางในช่วงฝนพรำๆ แบบนี้ ก็คือ “ที่ปัดน้ำฝน” แต่หากตัวยางปัดน้ำฝน เกิดเสื่อมสภาพและต้องการเปลี่ยนใหม่ด้วยแล้ว วิธีเปลี่ยนต้องทำอย่างไรละ รถยนต์ มือสอง CHATCHAI CAR จะมาบอกวิธีเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนให้ทราบกัน พร้อมแนะนำแบรนด์ที่นิยมซื้อมาติดรถไว้ โดยละเอียดและเข้าใจง่ายที่สุด ไปดูกันเลย
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมอย่างง่ายๆ
เตรียมอุปกรณเบสิกแค่ 2 อย่าง พร้อมกับ ยางปัดน้ำฝน อันใหม่ ที่จะต้องการเปลี่ยน ซึ่งของใช้ที่จะเป็นตัวช่วย 2 ชนิด นั่นก็คือ คัทเตอร์ ธรรมดา ทั่วไปๆ กับ เข็มหมุด ที่ไว้ร้อยเย็บผ้า ส่วนวิธีดูว่าต้องเปลี่ยนแล้ว ให้สังเกตุที่ ใบปัดน้ำฝนไม่สามารถรีดน้ำออกจากกระจกรถได้อย่างหมดจด หรือ มีจังหวะสะดุดหรือติดขัดเวลาใช้งานและส่งเสียงดังผิดปกติ
จัดการตัวที่ปัดน้ำฝนที่ตัวรถก่อนเลย
อย่างแรกให้ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นทั้ง 2 ข้าง จากนั้นก็ให้หมุนใบปัดน้ำฝน ตั้งฉาก 90 องศาให้ตัวปัดน้ำฝนขนานกับขอบฝากะโปรงหน้ารถ โดยให้หงายตัวยางปัดน้ำฝนขึ้นมา ทั้ง 2 ข้าง ที่จะให้เห็นสลักเล็กๆ ให้เราแกะดันได้ พร้อมดันใบปัดน้ำฝนออก เพื่อสะดวกในการใส่ยาง แล้วให้ดึงยางอันเก่าที่พร้อมกับก้านเหล็กออก ตรงนี้ให้เอาออกอย่างช้าๆ ไม่ต้องรีบ และให้เอาเส้นเหล็กออกมาอีกที จากนั้นก็เอายางปัดน้ำฝนอันใหม่ เข้าตัวก้านปัดน้ำฝนให้สุดกับความความยาวของก้านเหล็ก หากเกินมาก็ให้คัตเตอร์ตัดออกให้พอดี จากนั้นก็นำไปใส่กับที่ปัดน้ำฝนดังเดิม ให้เรียบร้อย
เติม ‘น้ำสะอาด’ ลงถังบรรจุกระบอกฉีดน้ำ
ขั้นตอนสุดท้ายก็ให้เช็คตรวจเชคหรือเติมน้ำ ตรงนี้ขอให้เป็น “น้ำสะอาด” ให้อยู่ในระดับเต็มถังบรรจุ และทำการทดสอบการล้างเช็ดกระจก โดยในเวลาเดียวกัน ก็ให้นำเข็มหมุดที่ร้อยเย็บผ้า มาจิ้มตรงรูฉีด เพราะอาจอุดตัน เนื่องจากไม่ได้ใช้งานมานาน สาเหตุที่ต้องใช้น้ำสะอาด เพราะว่า เพื่อป้องกันตะกอนเข้าไปในถังพักน้ำ สายยาง ข้อต่อ ส่งผลให้รูฉีดน้ำอุดตันได้ ไม่ควรเติมน้ำยา หรือสารเคมี ลงในถังพักน้ำฉีดกระจก เช่น น้ำยาล้างจาน หรือ น้ำยาเช็ดกระจก เพื่อหวังว่าทำให้กระจกสะอาดขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวการร้าย ทำให้ยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็ว มีฟองออกมาขณะปัดน้ำฝน ทำให้มองทัศนวิสัยได้ไม่ชัดเจน อีกทั้งมีคุณสมบัติกัดทำลายสี และชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติกรถยนต์
ประเภทของที่ปัดน้ำฝน
- ใบปัดน้ำฝนแบบโครงเหล็ก (Conventional Wiper Blade) เป็นชนิดแรกๆ ที่มีกัน มีลักษณะโครงสร้างเหล็กแขนยางปัดน้ำฝน ควบคู่กับยางใบปัดน้ำฝน ซึ่งเจ้าใบปัดชนิดนี้มีข้อดีเรื่องความคงทนแข็งแรง ปาดคราบน้ำฝนได้เนียนสนิท
- ใบปัดน้ำฝนแบบซ่อนแขนใบปัดน้ำฝน (Semi Concealed Wiper Blade) เป็นชนิดที่พัฒนาจากชนิดแรก เพียงแต่จะมีวัสดุมาครอบก้านเหล็กที่ปัดน้ำฝนชั้นแรกเอาไว้มาเป็นจุดแตกต่าง มักจะเห็นในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
- ใบปัดน้ำฝนแบบไร้โครงเหล็ก (Flat Blade) เป็นชนิดที่พัฒนาขึ้นมาโดยลดขนาดกับพื้นที่ต้านลม ในขณะรถยนต์กำลังแล่นด้วยความเร็วสูง จะมีเพียงจุดยึดก้านใบปัดน้ำฝน กับแนวยางใบปัดที่มีการใส่แกนเหล็กไว้ในเนื้อยาง ทำให้ช่วยการกระจายน้ำใบปัดได้อย่างสมดุลในขณะที่รถยนต์วิ่งอยู่ อีกทั้งยังมีความสวยงามเรียบง่ายดูสะอาดตา
แนะนำที่ปัดน้ำฝนคุณภาพดี และราคาถูก
- ใบปัดน้ำฝน ยี่ห้อ Bosch รุ่น Advantage แบรนด์ชื่อดังจากประเทศเยอรมัน ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะว่ามาพร้อมกับราคาย่อมเยาแต่คุณภาพเน้น ๆ ด้วยโครงใบปัดน้ำฝนผลิตจากเหล็กเกรดดีที่ผ่านการออกแบบมาแล้วว่ารับกับหลักอากาศพลศาสตร์ ข้อต่อเป็นแบบ Quick-Clip ติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว ใบปัดยางทำจากยางผสมสูตรพิเศษ เพื่อให้ทนต่อสภาพอากาศในประเทศเขตร้อนชื้น ขอบใบปัดยางถูกตัดเย็บมาอย่างพิถีพิถัน ทำให้สามารถรีดน้ำฝนรวมทั้งสิ่งสกปรกบนกระจกหน้ารถได้เกลี้ยงเกลาไม่ทิ้งคราบกวนใจ ใช้ได้ทั้ง รถยนต์ มือสอง จาก ญี่ปุ่น และ รถยนต์ มือสอง จาก ยุโรป ในราคา 166-385 บาท
- ใบปัดน้ำฝนก้านซิลิโคน ข้อต่อตัว U ยี่ห้อ LYNX ใบปัดน้ำฝนแบรนด์นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เป็นใบปัดน้ำฝนที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานโดย ISO 9901, ISO 9002 และ ISO 14001 ตัวโครงผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน ใบปัดยางนั้นทำจากยางพาราผสมซิลิโคน ทำให้ได้ความยืดหยุ่นสูง ช่วยลดแรงฝืดขณะใช้งานและไม่ทำร้ายผิวหน้ากระจกรถ ขอบยางเคลือบด้วยคาร์บอนกราไฟต์ช่วยให้อายุการใช้งานเพิ่มมากยิ่งขึ้น การติดตั้งก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพราะติดตั้งด้วยระบบ Quick-Clip ที่ทำได้ด้วยมือเปล่า ใช้ได้ทั้ง รถยนต์ มือสอง จาก ญี่ปุ่น และ รถยนต์ มือสอง จาก ยุโรป ในราคา 65-120 บาท
- ใบปัดน้ำฝนเคลือบกราไฟต์ ยี่ห้อ NPW ใบปัดน้ำฝนแบรนด์นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น อีกแบรนด์ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ตัวโครงก้านปัดน้ำฝนทำจากเหล็กชั้นดี แข็งแรงทนทาน ไม่หักงอได้ง่าย ๆ ใบปัดยางผลิตด้วยเนื้อยางพาราผสมซิลิโคนและเคลือบด้วยคาร์บอนกราไฟต์ ช่วยให้มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ทำลายผิวหน้ากระจกรถ ลดแรงฝืดขณะใช้งาน ไร้เสียงรบกวน อีกทั้งยังทนทานต่อความร้อนได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง ในส่วนของการติดตั้งก็ไม่ยุ่งยาก เพราะว่ามาพร้อมกับข้อต่อแบบ Quick-Clip ติดตั้งได้ง่าย ๆ ไม่ต้องง้อช่าง ใช้ได้ทั้ง รถญี่ปุ่น และ รถยุโรป ในราคา 170-213 บาท